เมนู

น้องทั้งหมด ถึงความพินาศแล้ว.
[868] ผู้ไม่สำนึกถึงคำสอนของผู้เฒ่าทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน ประพฤติเลยขอบเขตก็
เดือดร้อน ทุกคนไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระ
พุทธเจ้า จะถึงความพินาศเหมือนแร้ง
ที่ฝ่าฝืนคำสอนของพ่อ ฉะนั้น.

จบ มิคาโลปชาดกที่ 6

อรรถกถามิคาโลปชาดกที่ 6



พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ
ภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคำเริ่มต้นว่า น เม รุจิ ดังนี้.
ครั้งนั้น พระศาสดาได้ตรัสเรียกภิกษุนั้นมา แล้วตรัสถามว่า
จริงหรือภิกษุ ได้ทราบว่าเธอเป็นผู้ว่ายาก ? เมื่อเธอทูลว่า จริงพระ-
เจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ไม่ใช่บัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็เป็น
คนว่ายากเหมือนกัน. ก็เพราะอาศัยความเป็นผู้ว่ายาก เธอไม่เชื่อฟังคำ
ของบัณฑิตทั้งหลายจึงถึงความย่อยยับ ในช่องทางของลมเวรัมภะ. คือ
ลมงวง. แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนคร
พาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในกำเนิดแร้ง ได้มีชื่อว่าแร้งอปรัณ มันมี

หมู่แร้งห้อมล้อมอาศัยอยู่บนเขาคิชฌกูฏ. ส่วนลูกของมันชื่อมิคาโลปะ มี
กำลังสมบูรณ์. มันบินสูงมาก เลยแดนของแร้งตัวอื่น ๆ ไปแร้งทั้งหลาย
บอกแก่พระยาแร้งว่า ลูกของท่านบินไปไกลเหลือเกิน. แร้งอปรัณได้
ฟังดังนั้นแล้ว จึงเรียกลูกมาถามว่า ลูกเอ๋ย ได้ยินว่าเจ้าบินสูงมาก
ผู้บินสูงมากจักถึงความสิ้นชีวิต แล้วได้กล่าวคาถา 3 คาถาไว้ว่า :-
ดูก่อนพ่อมิคาโลปะ พ่อไม่มีความพอใจ
ที่เจ้าบินไปอย่างนั้น ลูกเอ๋ยเจ้าบินสูงมาก เจ้า
คบหาที่ไม่ใช่ถิ่นลูกเอ๋ย. แผ่นดินปรากฏแก่
เจ้า เป็นเสมือนนาแปลง 4 เหลี่ยม เมื่อใด
เมื่อนั้นเจ้าจงกลับลงมา อย่าบินเลยนี้ขึ้นไป.
นกแม้เหล่าอันที่มีปีกเป็นยานพาหนะ บินไป
ในอากาศมีอยู่ พวกมันถูกกำลังแรงของลมพัด
ไปสำคัญตนว่า เป็นเสมือนสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย
ได้พินาศไปแล้วมากต่อมาก.

พึงทราบวินิจฉัยในบทเหล่านั้น แร้งพ่อเรียกลูกโดยชื่อว่ามิค-
โลปะ. บทว่า อตุจฺจํ ตาต คจฺฉสิ ความว่า ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าบิน
สูงจนเลยแดนของแร้งเหล่าอื่น. แร้งพ่อบอกแดนแก่ลูก ด้วยคำนี้ว่า
จตุกฺกณฺณํว เกทารํ คือ เหมือนนาแปลง 4 เหลี่ยม. มีอธิบายไว้ว่า

ลูกเอ๋ย เมื่อผืนแผ่นดินใหญ่นี้เป็นเสมือนนาแปลง 4 เหลี่ยมสำหรับเจ้า
คือปรากฏเป็นเหมือนขนาดเล็กอย่างนั้น เมื่อนั้นเจ้าควรกลับ จากที่
ประมาณเท่านี้ อย่าไปเลยนี้. บทว่า สนฺติ อญฺเญปิ เป็นต้น ความว่า
แร้งพ่อแสดงว่า ไม่ใช่เจ้าตัวเดียวเท่านั้นไม่ไป แม้แร้งตัวอื่น ๆ ก็ทำ
อย่างนี้มาแล้ว. บทว่า อุกฺขิตฺตา ความว่า แม้พวกเขาบินเลยแดนของ
พวกเราไป ถูกแรงลมตีสาบสูญไปแล้ว. บทว่า สสฺสตีสมา มีอธิบายว่า
พวกมันสำคัญตนว่า เป็นผู้เสมอด้วยแผ่นดินและภูเขาทั้งหลายที่ยั่งยืน
แม้อายุของตนมีประมาณพันปี ยังไม่เต็มบริบูรณ์ ก็พินาศไปแล้ว ใน
ระหว่าง.
ฝ่ายมิคาโลปะไม่ทำตามโอวาท ไม่เชื่อฟังคำพ่อบินทะยานขึ้นเห็น
เขตแดนตามที่พ่อบอกไว้แล้ว แต่ก็บินเลยเขตแดนนั้นไปให้ลมกาลวาต
สิ้นไปทะลุลมแม้เหล่านั้น แล่นเข้าสู่ปากทางลมเวรัมภวาต. จึงถูก
เวรัมภวาตตีมัน. มันเพียงแต่ถูกลมเหล่านั้น ก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้น
น้อย อันตรธานไปในอากาศนั่นเอง. ด้วยเหตุนั้นท่านจึงกล่าวไว้ว่า:-
แร้งมิคาโลปะ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ
แร้งแก่ชื่ออปรัณผู้เป็นพ่อ บินเลยลมกาลวาต
ไป ตกอยู่ในอำนาจของลมเวรัมภวาต. เมื่อ
แร้งมิคาโลปะไม่ปฏิบัติตามโอวาท ทั้งลูกทั้งเมีย

ของมันและแร้งอื่น ๆ ที่เป็นลูกน้องทั้งหมดถึง
ความพินาศแล้ว. ผู้ไม่สำนึกถึงคำสอนของผู้
เฒ่าทั้งหลาย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ประพฤติเลย
ขอบเขต ก็เดือดร้อน ทุกคนไม่ปฏิบัติตามคำ
สอนของพระพุทธเจ้า จะถึงความพินาศ
เหมือนแร้งที่ฝ่าฝืนคำสอนของพ่อฉะนั้น.

3 คาถานี้ เป็นพระคาถาของท่านผู้รู้ยิ่งแล้ว
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนุชีวิโน ได้แก่แร้งทั้งหลายที่
อาศัยแร้งมิคาโลปะนั้นเกิดภายหลัง. บทว่า อโนวาทเร ทิเช ความว่า
เมื่อแร้งมิคาโลปะแม้นั้น ไม่ทำตามโอวาท แร้งเหล่านั้นบินไปกับแร้ง
มิคาโลปะนั้นเลยเขตแดนไป พากันถึงความพินาศทั้งหมด. บทว่า
เอวมฺปิ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แร้งนั้นถึงความพินาศแล้วฉันใด
แม้ผู้ใดใครอื่น จะเป็นคฤหัสถ์ก็ตาม เป็นบรรพชิตก็ตาม ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ไม่เชื่อถือพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้ทรงอนุ-
เคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูล แม้ผู้นั้นก็จะถึงความพินาศเหมือนแร้ง
ตัวนี้ ที่เที่ยวไปเลยเขตแดน เป็นผู้เดือดร้อน คือลำบากแล้วฉะนั้น.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มาประกาศสัจธรรม
แล้ว ทรงประมวลชาดกไว้ว่า แร้งมิคาโลปะ ได้แก่ภิกษุผู้ว่ายาก ส่วน
แร้งอปรัณ ได้แก่เราตถาคต ฉะนั้นแล.
จบ อรรถกถามิคาโลปชาดกที่ 6

7. สิริกาลกรรณิชาดก



ว่าด้วย สิริ กับ กาลกรรณี



[869] ใครมีผิวดำ และเขาก็ไม่น่ารักและไม่น่า
ทัศนา เราจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร ? ว่าเจ้าเป็น
ใคร ? เป็นธิดาของใคร ?
[870] ดิฉันเป็นธิดาของท้าววิรูปักษ์มหาราช
เป็นผู้โหดเหี้ยม ดิฉันคือนางกาลีผู้ไร้ปัญญา
เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันว่า ชื่อกาลกรรณี ท่าน
ผู้ที่ดิฉันขอโอกาสแล้ว ดิฉันจะขอพักอยู่ใน
สำนักของท่าน.
[871] เจ้าปลงใจในชายผู้มีปกติอย่างไร มีความ
ประพฤติเสมออย่างไร ? ดูก่อนแม่กาลี เจ้า
ถูกฉันถามแล้ว จงบอกฉัน ฉันจะพึงรู้จักเจ้า
ได้อย่างไร ?
[872] ชายใดลบหลู่คุณท่าน ตีตนเสมอ แข่งดี
ริษยาเขา ตระหนี่และโอ้อวด ชายใดได้ทรัพย์
มาแล้วย่อมพินาศไป ชายนั้นเป็นที่รักของ
ดิฉัน.